Skip to content Skip to footer

ไปกินกุ้งที่อยุธยากัน! ชวนกันตรงๆ ง่ายๆ ไม่อ้อมค้อมแบบนี้แหละ

เพราะบางทีชีวิตก็ต้องการแค่มันกุ้งมาปลอบประโลมจิตใจ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ไม่อยากไปแค่เช้าเย็นกลับแล้วก็จบ วันหยุดมีตั้งเสาร์กับอาทิตย์ก็คิดให้มันเป็นแพลนถ่ายรูปสวยๆ ไปด้วยเลย

เที่ยวง่าย เที่ยวใกล้ แถมยังหาเพื่อนไปด้วยไม่ยากอีกต่างหาก แค่ล่อด้วยกุ้งแม่น้ำ
 บวกกับประกาศกร้าวว่า

จะไปถ่ายรูปเก๋ๆ กันน

บอกก่อนว่าทริปนี้เน้นชิวและตามง่ายชัวร์  กิน ถ่ายรูป บวกด้วยฮ็อปปิ้งวัดนิดๆ ให้สมศักดิ์ศรีกับความเป็น Unesco แห่งเมืองไทย เรียกได้ว่าอิ่มทั้งกุ้งอิ่มทั้งบุญไปตามๆ กันเลย

อย่ารอช้ามาเก็บกระเป๋าเตรียมไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์นี้กันเลยดีกว่า!

อยุธยาเป็นอะไรที่ชิวง่ายและชิวใกล้กรุงเทพฯ สุดดด ขับรถแปปเดียวก็ถึงแล้ว ส่วนแผนที่ในตัวเมืองนี่อาจจะดูไม่ค่อยติดกัน แต่ความจริงแล้วใกล้กันมากๆ ถ้ามีรถขับไปแต่ละที่ห่างกันอย่างมากก็แค่ 30 นาทีเอง

จะแพลนหลวมๆ หรือจะไปแพลนเอาหน้างานก็ยังได้ เวลาเหลือชิวๆ เลยแหละ
วิธีจัดแพลนง่ายมาก ตอนเที่ยงให้เน้นกินกุ้ง ตอนบ่ายอยู่คาเฟ่ แล้วตอนเย็นกับตอนเช้าค่อยไปวัด จะได้ไม่ร้อนมาก นอกนั้นก็ปล่อยตัวตามสบายๆ ทันก็ทัน ไม่ทันก็ไม่เป็นไร จำเอาไว้ว่ามาพักผ่อน ถ้าเก็บทีเดียวไม่ไหว ไว้อาทิตย์หน้าค่อยมาต่อก็ยังได้

มาเที่ยวอยุธยา 2 วัน 1 คืนแบบนี้ คือเรียกได้ว่ามาพักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ต้องรีบเดิน รีบขับรถ หิวก็กิน อยากหยุดรถตรงไหนก็หยุด สามารถจัดเวลาไปฮ็อปปิ้งที่เที่ยวต่างๆ ได้อย่างไม่แน่นเกินไป คอนเซ็ปต์ทริปนี้เป็นการอ้อยอิ่งนั่งแช่กินกาแฟ และถ่ายรูปซักที่ละ 2-3 ชม.

1. ตลาดกลางเพื่อเกษตรกร (อตก.)

ไปกินกุ้งกัน! ไม่เน้นสวย ไม่เน้นชิว แต่เน้นกิน ต้องมาตะลุยตลาดนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีแหล่งอื่นที่ดีกว่านี้เปล่านะ ได้ข่าวมาว่าราคาอาจจะไม่ค่อยคุ้มและถูกเท่าแต่ก่อนขนาดนั้นแล้ว แต่อย่างน้อยก็มีตัวเลือกให้เดินเลือกซื้อเลือกกินได้ง่ายๆ เลย
เพราะรวมอยู่ในตลาดเดียวกัน

ส่วนร้านอาหาร ส่วนตัวคิดว่าคงไม่ค่อยต่างกันมาก ไปเลือกเอาหน้างาน หรือจะเปิดรีวิวประกอบตอนไปถึงก็ยังไหว วิธีการสั่งก็แค่เดินไปดูบ่อกุ้งหน้าร้านนั้นๆ แล้วก็เลือกไซส์กับขนาดที่อยากจะกิน

ส่วนถ้าใครอยากจะมาเจิมมันกุ้งให้มันชุ่มชื่นหัวใจขอแนะนำเป็นกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ เค้าจะมีติดป้ายบอกไว้เลยว่ากิโลละเท่าไหร่ สามารถสั่งมาเป็นตัวๆ ตามจำนวนคนได้เลย พูดไปก็น้ำลายไหลไป  แต่อย่าลืมกะเวลาตอนไปให้ดีๆ ด้วยนะะ ช่วงวันหยุดตอนเที่ยงนี่รถเยอะอย่าบอกใคร

2. ศาลาอยุธยา

หลังๆ มานี่เห็นเพื่อนไปอยุธยาทีไรไม่ว่าใครก็ต้องไปเช็คอินที่โรงแรมศาลากันซะหมด เลยถือโอกาสมานอนค้างชิวๆ สักคืนไปเลย

โรงแรมค่อนข้างมีความเป็นบูทีคโฮเท็ลซะมากกว่านะ จากล็อบบี้ต้องเดินผ่านแกลเลอรี่ศิลปะเข้ามาสู่โถงด้านในโรงแรม ที่มันก็สวยขึ้นกล้องสมคำเล่าลือ เหมาะกับคนชอบมาถ่ายรูปโรงแรมจริงๆ น่ะแหละ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ พร็อพในห้องนอน พูดได้เลยว่าคิดมาหมดแล้วว่าต้องถ่ายรูปออกมาสวย

แถมอีกไฮไลท์นึงที่พลาดไม่ได้ก็คือนั่งกินข้าวมองวิวจากระเบียงริมน้ำนี่ล่ะ ที่สามารถมองออกไปเห็นพุทไธศวรรย์ฝั่งตรงข้ามได้เลย

ข้อควรรู้ก่อนไปพักที่ศาลาก็คือ โรงแรมมีที่จอดรถน้อย หน้าโรงแรมจอดได้ไม่ถึง 10 คันแถมถ้าดูใน Booking ดีๆ ก็จะพบว่าศาลาสาขานี้เป็นเชน 4 ดาวน้า การบริการอาจจะเอาไปเทียบกับศาลาภูเก็ต สมุย ไม่ได้

สรุปให้เลยว่าสวยจริง ถ่ายรูปขึ้นจริง เหมือนที่เห็นๆ กันในภาพนี่แหละ แต่ถ้าอยากจะมาเอาแค่วิวแม่น้ำกับโถงอิฐสีส้มในราคาที่เอื้อมถึงได้ ที่นี่เค้าก็เปิดให้เข้ามานั่งทานอาหารได้เหมือนกัน วิวเดียวกันกับคนที่มาเข้าพักเลย

3. อยุธยารีทรีตคาเฟ่&รีสอร์ท

มาถึงอยุธยาทั้งทีก็อยากจะหาคาเฟ่ที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยๆ พีเรียดๆ ไว้นั่งเล่นถ่ายรูปซะหน่อย หวยเลยมาออกที่คาเฟ่นี้

ตอนแรกที่เห็นแค่รูปเรือพายและบ่อบัวนี่ก็ว่าน่าโดนมากแล้ว บอกเลยว่ามาถึงที่จริงประทับใจกว่าที่คิดไว้เยอะมากๆ มีความโฮมมี่สไตล์ไทยๆ ที่ทางเดินเข้าหน้าร้านต้องเดินลอดใต้ถุนบ้านเข้าไปก่อนด้วยนะ ก่อนที่จะเปิดไปสู่บ่อบัวตรงกลางที่ล้อมรอบไปด้วยเรือนไทยกระจุ๊กกระจิ๊กเต็มไปหมด สามารถเลือกที่นั่งชิวกันได้สนุกเลย

เพิ่งมารู้ทีหลังว่าที่นี่เค้าเปิดให้มานอนพักได้ด้วย แถมยังเคยเป็นฉากที่ถ่ายทำละครพีเรียดอีกหลายๆ เรื่องด้วยนะะ ดีกรีขนาดนี้คิดดูว่าบรรยากาศจะแน่นขนาดไหน

แต่ถ้าไม่อยากให้คนแน่นเกินบรรยากาศไปด้วย แนะนำว่าให้มาก่อนหรือหลังช่วงเที่ยงไปนิดนึง ที่นี่เค้าฮิตพอตัวอยู่เหมือนกัน มาตอนคนน้อยๆ จะได้นั่งชิวกันไปนานๆ

4. Temples Hopping

อย่างที่รู้ๆ กันว่าอยุธยาเคยเป็นเมืองเก่ามาตั้งแต่ก่อน เฉพาะแค่ในอำเภอเมืองอยุธยาก็มีวัดปาเข้าไปมากกว่าเกือบร้อยวัดแล้ว มาเที่ยวครั้งนี้ก็เลยอยากจะชวนไปแวะดูวัดซักนิดนึงให้สมกับความเป็นมรดกโลกของอยุธยากันล่ะ

ลิสต์รายชื่อแล้วเสิร์จรูปดูเฉพาะอันที่อยากไปไว้คร่าวๆ ในใจ มีเวลาก็แวะไปวันละ 2 ที่ 3 ที่ตามความร้อนและสภาพอากาศ รวมแล้วเก็บมาได้ทั้งหมด 5 วัด ได้แก่ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดมหาธาตุ วัดบรมพุทธาราม วัดธรรมิกราช แล้วก็วัดหน้าพระเมรุ

ที่ประทับใจมากกว่าที่อื่นๆ น่าจะเป็นสตอรี่ของวัดหน้าพระเมรุนี่ล่ะ เพราะเป็นที่ตั้งของกองทัพพม่ามาตั้งแต่สมัยนู้น เลยเหลือรอดมาถึงปัจจุบันได้สมบูรณ์สุดๆ วิหารน้อยข้างๆ พระอุโบสถคือสวยมากก แถมต้นไม้ที่ขึ้นครอบเจดีย์ด้านหลังวัดนี่ก็ไฮไลท์เลยนะ

ส่วนถ้าใครอินบรรยากาศคนน้อยๆ คิดว่าวัดบรมพุทธารามก็ร่มรื่นและเงียบสงบดี ทั้งหมดทั้งปวงเนี่ยวัดมหาธาตุคนเยอะสุดเยย มีทัวร์จีนทัวร์ญี่ปุ่นลงเพียบ นี่ก็แอบไปฟังคุณไกด์เค้าบรรยายอย่างออกรสอยู่เหมือนกัน

5. เดอะ ไวน์ อยุธยา

เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินในช่วงหลังๆ มานี้ ที่ทั้งถ่ายรูปสวยแถมยังมีอาหารหลากหลายประเภทให้ได้แวะมาชิมกันด้วย เห็นชื่อเดอะ ไวน์ แบบนี้ แน่นอนว่ามีกิจกรรมให้ชิมไวน์ด้วยน่ะแหละ แต่ถ้าใครจะมาแวะกินของหวานมื้อบ่าย หรือมาดื่มด่ำกับอาหารเย็นริมแม่น้ำก็บอกเลยว่าบรรยากาศดีงามอยู่นะ

ตัวร้านอาหาร เดอะ ไวน์ เอง ทำมาจากไม้อัดเอามาขัดๆ เรียงๆ กันเป็นกล่องตารางสูงใหญ่บวกกับบันไดวนกลางร้านกว่า 5 ตัวที่ทำให้ร้านนี้สวยงามโดดเด่นแปลกตากว่าที่เคยเห็น ขึ้นไปวิ่งเล่นหามุมนู้นมุมนี้ถ่ายรูปสนุกเลยล่ะ

6. เดอะ ซัมเมอร์ เฮาส์ อยุธยา


 กลายเป็นอีกหนึ่งจุดต้องห้ามพลาดของอยุธยาไปแล้วแหละตอนนี้ จะด้วยการตกแต่งร้าน เมนูอาหาร หรือบรรยากาศทุกอย่างก็ดูลงตัวไปหมดดด เป็นหนึ่งในคาเฟ่แรกๆ ของอยุธยาเลยก็ว่าได้ ที่ทำให้คนหันมาอินกันได้ขนาดนี้

นอกจากที่ร้านจะมีเมนูฟิวชั่นสวยๆ อร่อยๆ แล้ว ทุกวันเสาร์เย็นเค้าจะมีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังที่สนามหญ้าหลังบ้านติดกับแม่น้ำด้วยนะ สามารถลากบีนแบ็ค เก้าอี้ชายหาดมานั่งชิวไป กินไป ได้เพลินๆ เลยล่ะ

เอาเป็นว่าบรรยากาศ 10 เต็มแบบไม่มีอวยย และถึงไม่อวยคนก็เข้าร้านเยอะมากกอยู่แล้ว
ฝรั่งยังมีมานั่งเล่นเลยอะ ชิวมากจริงๆ แนะนำว่าถ้าจะไปฟังดนตรีวันเสาร์ ให้ไปถึงก่อนเวลานิดนึง เพราะคนจะจับจองพื้นที่กันแน่นเลย

Show CommentsClose Comments

Leave a comment