Skip to content Skip to footer

เที่ยว เสาร์ – อาทิตย์ ใกล้ๆ ที่กาญจนบุรีกัน

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลงรัก Road Trip มากขนาดไหน
เพราะนอกจากจะได้มีเวลาปล่อยตัวปล่อยใจไปกับเพลย์ลิสต์เพลงโปรดขณะขับรถแล้ว เสน่ห์สำคัญที่สุดของทริปแบบนี้ก็คือวิวทิวทัศน์แสนพิเศษระหว่างทางที่อาจบังเอิญเจอในแบบที่ไม่ซํ้ากับใครเลยก็ได้

หลังจากใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ มา 5 วันเต็มๆ แล้ว พอถึงวันเสาร์ – อาทิตย์ อยากหาที่เที่ยวที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ มากนัก แล้วก็มาจบที่กาญจนบุรี  ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว

คราวนี้ตั้งใจว่าจะไม่เที่ยวในตัวเมืองกาญฯ แต่จะออกมานอกเมืองหน่อย เพราะอยากไปรับลม ชมวิวธรรมชาติ พักผ่อนให้หายเหนื่อย

Z9 Resort

อยากนอนแพริมน้ำเลยเลือกมาพักที่ Z9 รีสอร์ท ซึ่งขับรถจากตัวเมืองกาญฯ มาประมาณ 1 ชั่วโมง อาจจะไกลหน่อยแต่วิวที่ได้ก็คือคุ้มค่ามากก
นอกจากความโดดเด่นของโลเคชั่นติดเขื่อนนํ้าสุดลูกหูลูกตาแล้ว
ก็คงจะเป็นตัวบ้านพักรีสอร์ทที่มีความสวยงาม ละเมียดละไมกับดีเทลของแต่ละบ้านพักเอามากๆ จนบางคนถึงกับขนานนามให้เป็นมัลดีฟของเมืองไทยเชียวนะ

ตัวรีสอร์ทอยู่ลึกเข้าไปใกล้เขื่อนศรีนครินทร์  ไกลจากตัวเมือง ทำให้มีความไพรเวทสูง ห้องพักทั้งหมดน่าจะมีไม่เกิน 30 ห้องเอง เพราะฉะนั้นรับประกันความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัว สามารถพายคายัคในเขื่อนเล่นได้สบายๆ ไม่มีไปชนกับใครแน่นอน แถมยังมีอุปกรณ์ให้พร้อมด้วย

ส่วนกิจกรรมไฮไลท์ที่อยากแนะนำให้ทำสุดๆ คือนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินธรรมดาๆ นี่ล่ะ ว่าก็ว่าเถอะ
ท้องฟ้าเมืองกาญฯ นี่สวยไม่เกรงอกเกรงใจใครเลย โดยเฉพาะตอนสีชมพูเข้มอมม่วงกระทบกับฝั่งนํ้า
นี่ล่ะก็อื้อหือ สุดๆ ไปเลย และที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่พระอาทิตย์ตกดินได้โรแมนติกมากกว่าปกติหลายเท่า
เลยทีเดียว เพราะฉะนั้นขอชวนให้ไปปล่อยตัวปล่อยใจให้สบายๆ แล้วนั่งจิบนํ้าเย็นๆ ระหว่างพระอาทิตย์ตกนี่ล่ะ ที่สุดแล้ว

The Village Farm to Cafe

The Village Farm to Cafe  ตัวคาเฟ่ตั้งอยู่ติดๆ กับ Keeree Mantra
แต่เสิร์ฟอาหารสไตล์คาเฟ่มากกว่า มีตั้งแต่มอคค่า ลาเต้ ไปจนถึงแฮมเบิร์กจานเล็กๆ เหมาะสำหรับแวะมาทานช่วงวันหยุดมากๆ

Keeree Mantra

ได้ยินครั้งแรกอาจจะนึกว่าเป็นชื่อของรีสอร์ทที่ไหนซักที่ แต่จริงๆ แล้วเป็นร้านอาหารที่หันหลังติดกับภูเขาแห่งเมืองกาญจนบุรี ตัวร้านคีรีมันตราตั้งอยู่ติดกับร้าน The Village Farm to Table เพราะเปิดมาก่อนหนึ่งปีนิดๆ จะเน้นอาหารจำพวกของคาว ของหนักมากกว่าฝั่ง The Village เพราะลูกค้าที่แวะมาส่วนใหญ่จะมาทีเป็นครอบครัวใหญ่กันเลยทีเดียว
แถมบางทียังแอบเห็นทัวร์มาลงด้วยเหมือนกันนะ

ถ้าใครกำลังมองหาที่ทานข้าวหลบความยุ่งๆ ในเมือง
คิดว่าคีรีมันตราเหมาะมากกับการหลีกหนีจากความวุ่นวายมาพักผ่อนหย่อนใจ ในวิวภูเขาใกล้แค่เอื้อม เพราะนอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว บรรยากาศก็ดีสุดๆ ประหนึ่งอยู่ในรีสอร์ท อิ่มท้องแล้วก็ยังเดินไปถ่ายรูปเล่นที่ The Village Farm to Table ที่อยู่ข้างๆ ได้ด้วยนะ ถ้าใครมาทานตอนเย็นคิดว่าวิวพระอาทิตย์ตกตรงหลังภูเขาลูกนี้ก็น่าจะสวยพอตัวเลยล่ะ

Hellfire Pass

“When you go home tell them of us and say we gave our tomorrow for your today.”
Hellfire Pass เรียกเป็นภาษาไทยว่าช่องเขาขาด

ที่นี่เค้ามีโซน 2 โซนคือ Indoor และ outdoor โดยโซน Indoor จัดแสดงมินิเธียเตอร์ ภาพถ่าย ข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้ระหว่างสร้างทางรถไฟในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย แต่ถึงแม้ครั้งนี้เดินแค่โซน outdoor ด้านนอก
ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ของตรงนี้เข้มข้นน้อยลงไปแต่อย่างใด 

การจะเดินไปช่องเขาขาด ต้องค่อยๆ เดินไต่ระดับจากพื้นดินด้านบนลงไปสู่ช่องภูเขาด้านล่างที่เค้าว่ากันว่าเขาที่ขาดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นนํ้ามือมนุษย์ทาส ที่ถูกใช้แรงงานอย่างหนักหนาสาหัส ตอกภูเขาทั้งวันทั้งคืนจนขาดกลายเป็นช่องลงมาได้ลึกถึงขนาดนี้ 

 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นต้องการสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างไทยกับพม่า เพื่อช่วยให้ปฏิบัติการทางการทหารของกองทัพ สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ตอนนั้นเองเป็นจุดเริ่มต้นฝันร้ายของแรงงานจำนวนมหาศาล เชลยศึกหลายหมื่นชีวิต ทั้งไทย มาเลย์ พม่า หรือแม้แต่ชาวออสเตรเลียผู้เป็นคนก่อตั้งพิพิธภัณฑ์นี้ ถูกกดขี่ให้ใช้แรงงานสร้างทางรถไฟมากกว่าวันละ 18 ชม. ก็คือตั้งแต่เช้าจรดเที่ยงคืนนั่นแหละ วนไปเรื่อยๆ Hell fire จึงเป็นคำกล่าวเปรียบเปรยถึงแสงไฟนับหมื่นนับพันดวงที่ส่องแสงลิบๆ อยู่ในช่องภูเขายามคํ่าคืน ไม่ได้ต่างไปจากการอยู่ในนรกเลยทีเดียว

แม้สงครามจะผ่านพ้นไปนาน พื้นที่ตรงนี้ถูกปล่อยรกร้างกลายเป็นป่ารกชัฏไม่มีใครสนใจ  แต่คุณ J.G. (Tom) Morris ผู้ซึ่งเคยเป็นเชลยศึกชาวออสเตรเลียกลับออกเดินทางมายังประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อค้นหาร่องรอยพื้นที่ตรงนี้ที่สังเวยชีวิตเพื่อนมนุษย์เค้าไปหลายต่อหลายคน จนกระทั่งมาเจอช่องเขาขาดที่นี่นี่แหละ ปัจจุบัน Hell Fire Pass Museum เลยได้รับการอุปถัมภ์ดูแลจากรัฐบาลออสเตรเลียโดยตรง เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้แก่ผู้เสียชีวิตที่ถูกพรากไปจากเหตุการณ์อันโหดร้ายในอดีต

Srinakrin Dam

ที่บอกว่าท้องฟ้าจังหวัดกาญจนบุรีสวยแบบไม่ลืมหูลืมตานี่ไม่ได้พูดเกินจริง
เพราะถ้าลองขับรถมายังเขื่อนศรีนครินทร์ตอน golden hour แล้วก็จะรู้เลยว่า พระอาทิตย์ตกดินที่นี่โรแมนติกสุดๆ

เขื่อนศรีนครินทร์เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเขื่อนที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย งานชลประทาน งานผลิตไฟฟ้าอะไรต่างๆ ก็มาจากที่นี่ทั้งนั้นเลยแถมยังดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวแพที่พักรอบๆ เขื่อนได้อีกปีละเป็นจำนวนมาก
ไม่แปลกใจว่าที่นี่จะติดอันดับเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของคนที่แวะมาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี

ส่วนตัวที่พักก็อยู่ติดกับเขื่อนศรีนครินทร์เลย Z9 resort นั่นเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องขับรถมาแวะชมสันเขื่อนซะหน่อย นี่เป็นการมาครั้งแรกแล้วตกใจมาก เพราะว่าสันเขื่อนใหญ่มากกกกกกกกก
บวกกับวิวสวยๆ นี้แค่ได้ขับรถมาถ่ายรูปเล่นวนไปวนมาในช่วงแสงสวยแบบนี้ก็คือดี
แสงอิ่มสวยและสะท้อนนํ้า สวยมากก ถ้าปิ๊กนิคตรงนี้ได้คงทำไปแล้ว

มาเที่ยวกาญจนบุรีก็คือได้ครบหมด  ทั้งที่พักสวยๆ คาเฟ่ ร้านอาหาร สถานที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ รวมถึงได้พักผ่อนหย่อนใจไปกับธรรมชาติแบบเต็มๆ ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้า  และท้องฟ้าสวยๆ แค่นี้ก็ถือว่าใช้เสาร์ – อาทิตย์ ได้คุ้มค่าสุดๆ แล้ว อยากให้ทุกคนลองมากาญจนบุรี น่าจะชอบที่นี่เหมือนกันแน่นอน 😀


Show CommentsClose Comments

Leave a comment