Skip to content Skip to footer

เที่ยวใกล้ๆ แบบไม่ง้อวันลากันมั้ย? จะทะเล หรือเนินเขาก็ครบ ไปจบที่จันทบุรีกันเถอะ!

จันทบุรีอยู่ภาคตะวันออกของไทย ขับรถจากกรุงเทพฯ ไป 3 ชม. ก็ถึงแล้ว ไม่ต้องง้อโปร ง้อตั๋วเครื่องบินใดๆ
สิ่งที่จะได้นอกจากบรรยากาศพักผ่อนสุดเงียบสงบ ก็คงเป็นผู้คนในชุมชนเมืองจันทบุรีนี่แหละ
ที่ทำให้หลงรักจนอยากจะชวนให้คนอื่นได้ไปสัมผัสกันด้วยตัวเองดู

ด้วยความที่จันทบุรีมีส่วนหนึ่งที่ติดกับทะเล แถมอีกส่วนก็อยู่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ความหลากหลายก็จะมีตั้งแต่ วิวสวยๆ ริมชายหาด ชุมชนที่มีประวัติศาสตร์เยอะแยะมากมาย แถมความหลากหลายเรื่องอาหารนี่ก็สุดยอดมากๆ 

ใครที่ยังไม่มีแพลนเที่ยว แล้วรู้สึกมันเหี่ยวแห้งเหลือเกิน โบนัสไม่มา วันลาก็ไม่มี
อย่าไปกลัวเที่ยวเมืองไทยวันเสาร์อาทิตย์ก็ได้เหมือนกัน

บอกเลยว่า จะเป็นวีคเอนด์ ที่มีรูปอัพลงอินสตาแกรมได้ไม่มีหมด
แถมประสบการณ์ บรรยากาศดีๆ และพลังชีวิตบวกๆ แถมเยอะแบบนี้ต้องไปแล้ว!

ชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูร

นอกจากเสน่ห์ของเมืองจิ๋ว กลิ่นอายจีนนิดๆ ญวนหน่อยๆ ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ จะทำให้เรารู้สึกสบายกาย สบายใจแล้ว
ต้องบอกเลยว่าแหล่งของกินที่นี่ช่วยเติมเต็มชีวิตวันหยุดได้ดีมากๆ สวรรค์ของคนรักการกินสุดๆเที่ยว 3 วัน กินไป 20 มื้อได้ เหมาหมดทั้ง ก๋วยเตี๋ยวกั้ง ขนมเบื้องญวน กุยช่ายทอด ก๋วยจั๊บ ไอติมกระเบื้อง น้ำมะปี้ด ผัดไท หมูผัดพริกแกง ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง กาแฟดริป โรตีกลม หมูชะมวง ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมลืมกลืน 

ชุมชนเก่าริมน้ำจันทบูรเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีมาเกือบ 300 ปีแล้ว ยังเคยเจริญรุ่งเรืองสุดๆ 
ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติ สถาปัตยกรรมที่นี่เลยเหมือนเป็นการผสมผสานของวัฒนธรรมที่เปลี่ยนผ่านตามยุคตามสมัยจนมาถึงปัจจุบันนี่แหละ

ความน่ารักคือบรรยากาศของความเป็นชุมชนเก่าจริงๆ มีบ้างที่จะกลายเป็นโรงแรมเล็กๆ รองรับนักเดินทางแต่ยังไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวไปซะทั้งหมด

ทั้งกลิ่นก๋วยเตี๋ยวผัดที่ลอยมาจากคุณยายฝั่งตรงข้ามเอย รถเข็นขายกุยช่ายทอดเอย หรือแม้กระทั่งเด็กๆ วิ่งไปนั่งเล่นริมน้ำตอนเย็นเอย ทุกชีวิตดำเนินไปตามจริงที่นี่ ในชุมชนที่มีถนนกว้างแค่เลนเดียวเท่านั้นเองศูนย์กลางของแหล่งรวบรวมความรู้ ประวัติชุมชนจะอยู่ที่ศูนย์กาารเรียนรู้ริมน้ำจันทบูร ที่นี่รวบรวมรูปเก่าๆ ความเป็นมา ลักษณะดั้งเดิมของบ้านในชุมชน แถมใครยังไม่จุใจจะถามพี่ๆ ที่ดูแลอยู่ ก็บอกเลยว่าความรู้มาเต็มมม

เห็นคนอินในความเป็นชุมชนของตัวเองแบบนี้ทีไรก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที

บ้านพักประวัติศาสตร์ หลวงราชไมตรี

สารภาพว่าเห็นรูปแล้วรักเลย! ยังไงต้องมาให้ได้ รักมู้ดแอนด์โทนของที่นี่มากกก
มีความสวยงามแบบบูทีคโฮเท็ลที่รีโนเวทใหม่ แต่ยังให้เสน่ห์แบบเก่าๆ อุ่นๆ ริมน้ำที่คลาสซี่สุดปักหมุดไว้ก่อนเลยว่าถ้ามาจันทบุรีก็จะมานอนที่นี่แหละ

ตัดสินใจยากอย่างเดียวคือ นอนห้องไหนเพราะสวยทุกห้อง สุดท้ายเราเลือกห้องริมน้ำอีสต์เอเชียทีค เพราะจะได้มีระเบียงไว้นั่งเล่นตอนเช้า ชิวไปอีก 

แต่ละห้องพักจะมีชื่อเรียก กับประวัติของชื่อที่แตกต่างกันไป เช่น ห้องนายพ่อนายแม่ ห้องนักเรียนชาย ห้องท่าหมอทอด อย่างห้องอีสต์เอเชียทีค ก็จะเป็นบริษัทคู่ค้าสำคัญที่เริ่มต้นค้าขายกับหลวงราชไมตรี จนทำให้จันทบุรีได้กลายเป็นเมืองค้าขายส่งออกยางพาราและสินค้าที่สำคัญต่อๆ มาในประเทศแถบเอเซีย

นอกจากความสวยงาม และชื่อห้องน่ารักๆ ของบ้านแห่งนี้ เบื้องหลังยิ่งน่ารักเข้าไปอีกเพราะเกิดจากการอนุรักษ์และพัฒนาร่วมกันของชุมชนอย่างมีส่วนร่วม ชาวชุมชนช่วยกันระดมทุน ร่วมถือหุ้นเป็นเจ้าของ และช่วยกันดูแลรักษาเองด้วย โดยรายได้ที่มาจากการท่องเที่ยวก็จะนำมาหมุนเวียน จัดการกันเองอย่างเหมาะสมกับวิถีชุมชน เพราะฉะนั้นพี่ๆ ที่อยู่ตรงรีเซปชั่นโรงแรมก็จะเป็นคนท้องที่นี่แหละ น่ารัก อัธยาศัยดี แถมช่วยดูแลเราตลอดการพักที่นี่เลย

บรรยากาศดีแบบนี้ เซอร์วิสยังดีสุดๆ อีกด้วย เวลคั่มดริ๊งค์จะเป็นน้ำมะปี๊ด หรือน้ำส้มจี๊ดที่สดชื่นมาก แถมมื้อเช้าเมนูอาหารก็จะเป็นของกินหรือขนมที่มาจากร้านค้าในชุมชน พวกก๋วยจั๊บ ปาท่องโก๋ โจ๊กหมู เลือกกันตามอัธยาศัยเลย อร่อยทุกอย่างง

มาเถอะ! มันดีงามกับใจจริงๆ พื้นไม้เก่าๆ กับแดดอ่อนๆ ตรงระเบียงริมน้ำมันดีจริงๆ นะ เหมาะกับการหนีมาพักผ่อนจิตใจเสาร์อาทิตย์ที่สุดดด

ป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน

ห่างออกมาจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 1 ชม. จะเจอกับ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งในบริเวณก็จะมีทั้งส่วนป่าชายเลน อแควเรียมสัตว์น้ำ พื้นที่อนุบาลสัตว์น้ำ ฯลฯ ของโครงการเต็มเลยยย ด้วยความอินกับป่าชายเลนเป็นทุนเดิม ก็เลยขอมาดูความเขียวๆ ริมน้ำนี่หน่อย

ป่าชายเลน อ่าวคุ้งกระเบน ปัจจุบันจัดว่าเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรีเลย
ภายในป่าก็จะเป็นทางเดิน แซมๆ กับต้นไม้ โดยมีศาลาให้พักอ่านข้อมูลเป็นระยะๆ เนื้อหาคร่าวๆ จะเล่ากระบวนการการเป็นป่าชายเลน ไม้เบิกนำ ป่าปลูก พืชพรรณและสัตว์ต่างๆไปจนถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากความสำเร็จของโครงการ ที่พาน้องพะยูนกลับมาสู่อ่าวคุ้งกระเบนได้สำเร็จ!

นอกจากความรู้จะมาเต็มแล้ว จะมาเดินเล่น เดินชิว ถ่ายรูปไปอวดเพื่อนเราก็ว่าก็พอไหวอยู่นะวิวในป่าชายเลนสวยไม่แพ้ป่าสนที่ไต้หวันเลย

ใครผ่านมาก็แวะมาซะหน่อย ไม่เสียหายนะเออ เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 8 โมง – 6 โมงเย็นขับรถมาง่าย แถมในป่าก็ไม่ร้อนมาก อย่ามาตอนเที่ยงจัด ก็จะดีงามมากเลย

หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำ อ่าวคุ้งกระเบน

อย่างที่บอกว่าศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริจะมีโซนให้เราเลือกเที่ยวได้หลากหลายมาก!
ขับเลยมาจากป่าชายเลนนิดนึงก็จะเป็นที่เลี้ยงสัตว์น้ำเป็นบ่อๆ แบบนี้

หน่วยสาธิตการเลี้ยงสัตว์น้ำที่เลี้ยงปลา เลี้ยงหอย เลี้ยงเต่าในกระชัง นอกจากจะมีวิวสวยๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ แวะมาถ่ายรูปแล้ว ในบ่อกระชังเหล่านี้เป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ทั้งนั้นเลย

ชาวบ้านสามารถมาศึกษาวิธีเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ได้ที่นี่ เพราะจุดประสงค์หลักของหน่วยสาธิตคือให้ความรู้จะเพิ่มพูนทรัพยากรทางทะเลให้มากยิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน

โชคดีที่ตอนไปเจอน้องเต่ามาเซย์ฮายเยอะมากกก แถมยังเจอฉลามด้วย
เพื่อนที่ไปมาบางคนไม่เจอ เจอแต่หอยก็มี นอกนั้นก็จะเป็นปลาชนิดต่างๆ สามารถมาเดินเล่น มาให้อาหารกันได้ ศูนย์ไม่ใหญ่มาก เดินแค่แปปเดียวก็ทั่วแล้ว ที่นี่อาจจะไม่ได้มีอะไรใหญ่โต หลากหลายให้ดูเท่าไหร่ ถ้าใครชอบก็ทำเช็คลิสต์เก็บไว้ดูนะ 

 จุดชมวิวเนินนางพญา

ใครบอกว่าวิวถนนเลียบหาดแบบมีสันเขาขนาบข้าง จะมีอยู่แค่ที่ต่างประเทศ
บอกเลยว่าที่จันทบุรีก็มีนะ!

ที่เนินนางพญา มีจุดชมวิวที่ว่ากันว่า สวยที่สุดในภาคตะวันออกเลย
แถมจะดีงามสุดๆ ต้องไปตอนพระอาทิตย์ตกดินด้วย
ขอไปพิสูจน์หน่อยว่าจะได้มุมเดียวกับที่คนอื่นถ่ายๆ กันบ้างมั้ย

พอไปถึงมันได้อยู่เหมือนกันนะ โค้งมุมฮิตต้องมาาา
ด้านบนจุดชมวิวนอกจากเห็นภาพทะเลและเกาะน้อยใหญ่
ก็ยังมีคนมาแขวนกุญแจความรักกันเต็มไปหมดด นึกว่าอยู่เกาหลีเลย

ถ้าจะให้โรแมนติกยิ่งขึ้น อย่าลืมซื้อไข่ปลาหมึกคลุกน้ำจิ้มรสเด็ด ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วย มันจะดีงามจริงๆ 

ขับรถจากกรุงเทพฯ มา 3 ชม. แล้วได้ทั้งที่กินที่เที่ยวครบ ทั้งเมือง ธรรมชาติ ผู้คน เหมาะกับมาพักผ่อนเสาร์อาทิตย์มาก ใครจะบอกว่าวันลาไม่พอ งบประมาณไม่มี ขอเถียงขาดใจว่าไม่จริง
มาใกล้ๆ ก็ฟินได้ อยู่ใกล้ๆ กับกรุงเทพฯ นี่เอง

เวลาน้อยหน่อยก็อาจจะเน้นที่สวยๆ ถ่ายรูปดีๆ
เวลาเยอะหน่อยก็ค่อยๆ ซึมซับสิ่งรอบตัวกลับมาให้มากๆ ล่ะ

เพราะว่าเมืองไทยยังมีที่ดีๆ ให้เที่ยวอีกเพียบ!
แถมเรื่องราวของแต่ละที่ก็ทำให้ที่นั้นๆ น่าเที่ยวขึ้นไปอีกเท่าตัวเลย

Show CommentsClose Comments

Leave a comment