Skip to content Skip to footer

หน้าหนาวนี้ จะขึ้นเหนือทั้งที ไม่ได้มีดีแค่เชียงใหม่นะ! ลองหนีไปเที่ยวข้างบนสุดของประเทศไทยอย่างเชียงรายดู รับรองบรรยากาศและธรรมชาติมาเต็ม!

ถึงแม้จะอยู่ติดกับเชียงใหม่ แต่เชียงรายนี่เรียกได้ว่ายังมีความสงบ มีความเรียล ละก็พลุกพล่านน้อยกว่าเชียงใหม่เยอะเลยยย  ขับรถตามเมืองไปได้ชิวๆ พร้อมกับวิวข้างทางที่มีต้นไม้แทรกเป็นระยะๆ

รวบรวมลายแทงมาให้เป็นจุดๆ 11 ที่รอบเชียงรายที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี

รับรองขับตามได้ กูเกิ้ลได้ ไม่มีหลง

จะบินตรง รถทัวร์ รถไฟ ง่ายหมดแล้วนะเดี๋ยวนี้ มีเพลย์ลิสต์เพลงอีกซักหน่อย กับเพื่อนรู้ใจ แค่นี้ก็ไปลุยเหนือแบบสวยๆ ได้แล้ว

1. ดอยตุง

ดอยตุงตั้งอยู่ในเขตอำเภอแม่ฟ้าหลวง ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตมาตั้งแต่สมัยเด็กๆเลยยย เกือบทุกคนที่เคยไปเชียงรายน่าจะเคยไปดอยตุงกันทั้งนั้น แต่รู้มั้ยว่าดอยตุงที่เป็นเหมือนกับสวนดอกไม้หลังบ้านของสมเด็จย่านั้นก็ยังเป็นดอยตุงเดียวกับภูเขาหัวโล้น เมื่อสมัย 30 ปีก่อนอีกด้วยนะ (-:

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าสมัยก่อนแถวนี้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม ชาวบ้านยากจน มีการปลูกฝิ่น ค้ายาและภูเขาก็หัวโล้นซะยิ่งกว่าไฟไหม้ป่าที่น่านซะอีกจนกระทั่งนักปลูกป่าและปลูกคน อย่างสมเด็จย่าเข้ามานั่นแหละ

ดอยตุงจึงไม่ใช่แค่สวนดอกไม้สวยๆ แลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงรายเท่านั้นนะ แต่เป็นโมเดลการพัฒนาพื้นที่ที่ยั่งยืนจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามขนาดนี้เลยเชียว

พื้นที่ภายในโครงการดอยตุงใหญ่มากกกกก นอกจากกิจกรรมเดินเล่นสวยๆ รอบสวน
กับกิจกรรมเอ็กไซต์อย่าง Tree Top Walkway ก็ยังมีทั้งโรงแรมอย่างดอยตุงลอดจ์ และพาร์ทใหญ่ๆ คือ สวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง หอแห่งแรงบันดาลใจ นวุติ และก็ศูนย์ผลิตและจัดจำหน่ายงานมืออีกด้วย

เรียกได้ว่ามาที่นี่ที่เดียวก็วันสต๊อปเซอร์วิสเลย อาหาร ข้าวของเครื่องใช้ ก็มาจากคนในชุมชนแถวนี้ทั้งนั้น

ถ้าในแง่ความสวยงาม ที่นี่ก็มีทั้งสวนดอกไม้ Tree Top Walkway เก๋ๆ ร้านอาหาร ร้านของฝาก บวกกับอากาศเย็นๆ ให้ได้สูดกันเต็มปอด แต่ที่มากไปกว่านั้น อยากให้ได้มาซึบซับบรรยากาศดีๆ กับเรื่องราวเบื้องหลังสถานที่สวยๆ แห่งนี้ ได้มาเห็นรอยยิ้มของเจ้าหน้าที่ที่ทุกคนดูอินและรักในความเป็นดอยตุงเอามากๆ

หรือแม้แต่คุณป้าคุณลุงที่นั่งเปลี่ยนกระถางต้นไม้ยังดูแฮปปี้ ซึ่งเชื่อว่าแค่ได้มาอยู่ในที่ๆ ทุกคนพร้อมส่งพลังดีๆ ถึงกัน ก็จะรับรู้และสัมผัสได้กับตัวเองแน่นอน ช่วยเติมเต็มและเติมพลังวันหยุดได้ดีมากจริงๆ

สวนแม่ฟ้าหลวง

ชมสวนดอกไม้หลังบ้าน เดินบนป่าในสวน

เรียกว่าเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ในความทรงจำวัยเด็กของใครหลายๆคนเลยทีเดียว

ภาพจำเลยเป็นแค่สวนกว้างๆ ที่ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรนอกจากถ่ายรูป

แต่กลับมาคราวนี้เค้ามี Tree Top Walk Way แล้วนะ อุปกรณ์ความปลอดภัยดีงาม ระยะทางเดินกำลังพอดี และความน่ารักคือเรามักจะเห็นกลุ่มหนุ่มๆ สาวๆ รุ่นราวคราวคุณพ่อคุณแม่มารียูเนี่ยนกันบนทางเดินต้นไม้นี่กันเต็มเลยยย สนุกสนานหัวเราะคิกคักกันใหญ่

นอกเหนือไปจากความตื่นเต้นที่ได้เดินบนสะพานท่ามกลางต้นไม้สูงของป่าในสวน

ยิ่งอินมากไปกว่าเดิมอีกเมื่อพี่เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า พื้นที่ป่าใหญ่มากมายขนาดนี้กับวิวทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงามนั้น เมื่อก่อนนี่เสื่อมโทรมแห้งแล้งยิ่งกว่าภูเขาหัวโล้นลูกไหนๆ อีก!

พูดไปก็ชี้ให้ดูต้นกาแฟที่อยู่ด้านล่างไป บางทีก็ชี้ฝายเก็บน้ำแฮนเมดของชาวเขาให้ดู หรือแม้กระทั่งแปลงอนุบาลดอกไม้ต้นไม้ของสวนที่เราแอบเห็นอยู่ลิบๆ พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเป็นฝีมือของคุณลุงคุณอาชาวเขาแถวนี้ทั้งนั้น

ขอถอนคำพูดที่ว่าเป็นสถานที่สวยๆ ไว้ถ่ายรูปอย่างเดียว ทิ้งแทบไม่ทัน

นอกจากที่นี่จะส่งต่อความรู้สึกดีๆให้แก่คนที่มาเที่ยวแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของคนดอยตุงจริงๆด้วยนะ (-:

พระตำหนักดอยตุง

สัมผัสความเรียบง่าย ที่บ้านสมเด็จย่า

อีกหนึ่งภาพจำสมัยที่มาดอยตุงตอนเด็กๆ คงจะหนีไม่พ้นบ้านไม้ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ริมระเบียง ไปคราวนี้เลยใช้เวลานานหน่อย ค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศรอบบ้านระหว่างที่ฟังบรรยายเรื่องราวจากเทป

ถ้าพูดด้วยภาษาปกติธรรมดาเลย ก็คงต้องบอกว่าสมเด็จย่านี่เป็นคนที่น่ารักมาก

คือมีความเท่และฮิปสเตอร์มาก่อนรุ่นเราแบบสุดๆ งานประดิษฐ์ งานมือ งานทับดอกไม้ สมเด็จย่าทำเป็นหมด

ว่างๆ ชอบอ่านนิยายนักสืบ งานอดิเรกชอบปลูกดอกไม้ ทำสวน และดูดาว ถึงขนาดที่ฝ้าเพดานของห้องโถงหลักเป็นแผนผังดาราศาสตร์ แสดงรูปนักษัตรราศีต่างๆไว้อย่างสวยงาม

แถมความมืด-สว่างของแต่ละดวงดาวเทียบตามสเกลจริงด้วยนะ! ชอบมาก

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคงจะเป็นความเรียบๆ ง่ายๆ ของชีวิตสมเด็จย่านั่นเองที่ทุกคนหลงรัก

ไม่ได้มีของหรูหราประดับดามากมายจนเรารู้สึกเข้าถึงไม่ได้

มีแต่สิ่งที่เราชื่นชม และอยากจะเอาไปเป็นแบบอย่างเต็มไปหมดเลยยย

ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆ ต่างก็รักสมเด็จย่า

หอแห่งแรงบันดาลใจ

เรียนรู้จุดเริ่มต้นการให้ ของครอบครัวมหิดล

“สิ่งยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ระลอกน้ำกระเพื่อมจากหยดน้ำเพียงหนึ่งหยด

ระลอกน้ำที่แผ่ขยายกว้างไม่มีที่สิ้นสุดนั้น เริ่มจากจุดเล็กๆ คือตัวเราเอง”

หอแห่งแรงบันดาลใจตั้งอยู่เงียบๆ ในมุมหนึ่งใกล้ๆ กับสวนแม่ฟ้าหลวง

จนบางทียังนึกเสียดายเลยว่าคนไม่ค่อยเห็นกันแน่ๆ ข้างในจัดแสดงประวัติครอบครัวมหิดลตั้งแต่สมัยสมเด็จย่าตอนเด็ก วิธีการใช้ชีวิต วิธีการเลี้ยงลูก เห็นประทับใจมากกับความเป็นคนธรรมดาๆ ที่ทั้งเท่ห์ ทั้งเก่งของสมเด็จย่า ถ่ายทอดทางสายเลือดจนมาถึงในหลวง ร.9 ของเราเลยล่ะ (-:

จนมาถึงจุดสำคัญของนิทรรศการ คือห้องสุดท้ายที่แสดงรายชื่อโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งหมด ผนังห้องด้านหนึ่งถูกเขียนด้วยตัวอักษรจนเต็มแน่นกว่า 4,000 โครงการแบบที่ถอยหลังออกมาดูยังไงเราก็กวาดสายตาได้ไม่ทั่วเลย

เริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้วล่ะ ว่าทำไมที่นี่ถึงถูกเรียกว่าหอแห่งแรงบันดาลใจ

เพราะจุดเล็กๆ ที่เป็นเหมือนระลอกคลื่นน้ำนั้น กระเพื่อมถึงกันเสมอ

เหมือนกับที่เราเองก็ได้ซึบซับอะไรบางอย่างจากที่นี่เหมือนกัน

นวุติ

เก็บแมคคาเดเมียจากดิน ชิมกาแฟจากไร่ใสใสสไตล์สาวบ้านไร่ไม่ได้มีอยู่แค่ในละครนะ
นวุติหรือแปลงป่าเศรษฐกิจนวุติคือที่ดินจำนวนมหาศาลสำหรับปลูกต้นไม้เศรษฐกิจนานาชนิดโดยที่หลักๆ ก็จะเป็นต้นแมคคาเดเมีย และต้นกาแฟนี่ล่ะ

ใครเป็นคอกาแฟก็คงจะรู้จักต้นกาแฟกันบ้าง แต่พอจินตนาการต้นแมคคาเดเมียกันออกหรือเปล่า? ต้นแมคคาที่พร้อมให้เก็บผลผลิตนี่เรียกว่าต้นสูงทีเดียวเชียว เก็บผลได้จากลูกที่หล่นตามพื้น แถมเปลือกยังเอาไปใช้ประโยชน์เป็นถ่านได้ด้วยนะ นี่ก็ได้ลองไปเก็บมากับเค้าด้วย ย่ามที่ทำมาจากกระสอบปุ๋ยนี่คิ้วมากกก โรงงานก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ นี่เลยย เราเลยได้เห็นกรรมวิธีคัดแยก กำจัดเปลือก แถมได้ชิมทั้งลูกแมคคาสดๆ กับแมคคาเดเมียปรุงรสด้วยล่ะ กรุบๆ มันๆ เคี้ยวเพลินไปอีก

นอกจากแมคคาเดเมียที่เป็นผลผลิตของนวุติแล้ว ยังมีกาแฟดอยตุงชื่อดัง ที่เป็นเหมือนตัวชูโรงของที่นี่ด้วยนะถ้าจะให้วิจารณ์ความอร่อยก็คงไม่ถนัด แต่ถ้าเป็นแพ็คเกจกับความสวยงามนี่ให้ไปเลยเต็มสิบ!

ซึ่งจริงๆ แล้ว ที่นี่เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่ การที่เราจะให้ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่น เราก็ต้องสร้างโอกาสและทางเลือกให้กับเค้าก่อน แมคคาเดียเมีย และกาแฟ เลยเป็นฮีโร่ของชาวเขาที่นี่ และยังเป็นตัวแทนเพื่อตอกย้ำแนวความคิดที่ว่า คนกับป่า สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ อีกด้วย

เดี๋ยวนี้นวุติเค้าเปิดให้คนภายนอกเข้ามาชมได้ด้วยนะ ยังไงติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนไปด้วยล่ะ ลองมาฟังเรื่องราวของนวุติผ่านคำบอกเล่าของพี่ๆ ชาวบ้านที่นี่ดู จะหลงรักสวนแมคคา และไร่กาแฟนี้อย่างไม่รู้ตัว : )

ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ

ซึมซับภูมิปัญญาจากคนในพื้นที่ ผ่านการลงมือทำ มีใครไม่รู้จัก Muji กับ IKEA บ้างมั้ย?

ใครจะไปเชื่อว่าของแบรนด์นอกที่เราใช้ๆ กัน บางทีต้นทางการผลิตกลับอยู่ใกล้ๆ ตัวนี่เอง!
ที่ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ ส่งออกชามเซรามิคให้กับแบรนด์ Muji และยังส่งออกผ้าทอลายสวยๆ ให้กับ IKEA ด้วยนะ

มาครั้งแรกแล้วกรี๊ดมากกก ด้วยความชอบในงานฝีมือ บวกกับได้ใกล้ชิดกับคนทำที่มีความ
ออริจินอลสุดๆ นอกจากเดินเล่นเยี่ยมชมโรงงานเซรามิค เรายังสามารถสร้างผลงานของตัวเองผ่านการเพนท์สีเคลือบลงบนแก้วน้ำ จาน ชามด้วยนะ บอกเลยไม่ง่ายอย่างที่คิด5555555

เสร็จแล้วจะแวะไปพูดคุยกับคุณป้าที่กำลังทอผ้าอย่างแฮปปี้ก็เป็นอะไรที่ดีงามมม แอบเห็นผ้าลายสวยๆ ที่กำลังทออยู่นี่แทบจะพุ่งตัวไปอีเกีย

ท้ายสุดแอบแว่บไปโรงงานกระดาษสา ที่ซึ่งคุณป้าแผนกนี้มีกล้ามแขนที่สวยงามกันทุกคน! พราะกระดาษสาที่เราเห็นผิวเท็กสเจอร์สวยๆ นั้น ล้วนแล้วแต่มาจากพละกำลังการเขย่าปอสาของคุณป้า.

สิ่งที่ประทับใจเรามากที่สุด คงจะเป็นแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือนี้ แท้จริงแล้วคือแหล่งสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน เป็นการปลูกคน และสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง เพื่อเป็นรากฐานของการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง

ได้ฟังอย่างนี้ ก็พอเข้าใจละ ว่าทำไมคุณป้าถึงยิ้มแฉ่งไปทำงานไป ทำเอาเราอดยิ้มไปด้วยไม่ได้เลย

2. ไร่ชาฉุยฟง

ถ้าใครที่เป็นแฟนละครช่องสามนี่ต้องร้องอ๋อกันแน่ๆ เพราะความฮิปของไร่ชาฉุยฟงนี่เข้าตาผู้จัดละครจนกลายมาเป็นฉากสวีทวี้ดวิ้วของพระเอกนางเอกมาไม่รู้กี่เรื่องแล้ว

ไร่ชาฉุยฟงนี้กว้างใหญ่ไพศาลมาก เค้าบอกกันว่ากินพื้นที่มากกว่า 1,000 ไร่ซะอีก ซึ่งก็ไม่แปลกใจ เพราะทางภาคเหนือของไทยเนี่ย เค้าเป็นแหล่งปลูกชาสำคัญติดอันดับของโลกเลยนะ ถ้าใครอินเรื่องใบชา มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวังแน่ จะอู่หลง อู่ไม่หลง หรือจะชาเขียว ชาดำ ที่นี่มีหมด แต่ถ้าใครไม่อินก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะแค่มาเดินเล่นถ่ายรูปก็คุ้มมากแล้ว

ไร่ชาที่นี่ปลูกเรียงกันเป็นระเบียบมาก เรียกว่าเป๊ะทุกระเบียบนิ้ว เรียงกันเป็นขั้นบันได ไต่เขาวนไปตามความสูง มองไปคือสุดลูกหูลูกตา ยิ่งเวลาแสงพระอาทิตย์ตอนเย็นๆมันสาดเข้ามาด้วยแล้วนะ สวยงามมากก  จิบชา กินเค้ก รอพระอาทิตย์ลาลับไปบนเนินไร่ชา มันใช่มากอย่าบอกใครเลย


ไร่ชาฉุยฟงตั้งอยู่ในอำเภอแม่จัน เชียงราย ก่อนถึงบ้านเทอดไทย ใช้ถนนพหลโยธิน ประมาณ 30 กิโลเมตรนับจากตัวเมือง  เปิดเวลา 8:30 น. -17:30 น. แต่ถ้าอยากได้แสงสวยๆ ก็ขอแนะนำให้มาช่วง Magic Hour ตอนเย็น แสงสุดท้ายของวันสาดส่องลงมายังไร่ชานี่สวยหยดย้อย

ใครชอบถ่ายรูปรับรองไม่ผิดหวังใครขากินก็ไม่ผิดหวังเช่นกัน เพราะเค้ามีร้านชา ขายทั้งชาเย็น ชาร้อน ชาปั่น เค้กชา ขนมจากชา และที่สำคัญวิวอลังการงานสร้าง เพิ่มอรรถรสการกินเข้าไปอีก

รายละเอียดเพิ่มเติม
053-771-563
http://www.chouifongtea.com/

3. ดอยแม่สลอง

ชื่อไม่ได้จีน แต่ตอนแรกก็งงมากที่ขึ้นมาบนดอยแม่สลองแล้วทำไมถึงมีความจีนได้มากขนาดนี้พอไปหาคำตอบมา เลยเพิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้ว ดอยแม่สลองนี้สมัยก่อนเคยเป็นที่อพยพของชาวจีนฮ้อ ที่หนีการปฎิวัติมาจากจีนแผ่นดินใหญ่

อยู่ไปอยู่มา รัฐบาลไทยเลยให้สัญชาติให้ถูกต้องตามกฎหมายซะเลย แล้วก็ตั้งชื่อชุมชนให้ว่า “หมู่บ้านสันติคีรี” ก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมบนนี้ถึงมีกลิ่นอายความจีนขนาดนี้ หน้าตาสิ่งก่อสร้างคือมีความจีนผสมความชาวเขา แล้วอาหารขึ้นชื่อที่มีทุกร้านก็เป็นขาหมูหมั่นโถ อาหารจีนยูนนาน ที่ตอกย้ำความจีนเข้าไปอีก

ถ้าใครที่อยากมาช้อปปิ้งซื้อของเขาของดอย รับรองว่ามาบนดอยแม่สลองนี่สนุกแน่ ทั้งเสื้อชาวเขา กำไลข้อมื้อ ผลหมากรากไม้ ของชาวป่าขาวเขา สดๆ ออร์แกนิก อินเทรนด์กันเข้าไป

แล้วถ้าใครมาช่วงเดือนธันวาถึงกุมภาด้วยแล้วนะ เห็นเค้าว่ากันว่าจะมีซากุระบานสะพรั่งเป็นสีชมพูทั้งดอยเลย แต่อีกจุดขายนึงของดอยแม่สลองก็คงจะหนีไม่พ้นไร่ชาอู่หลง ที่เป็นอาชีพหลักของคนบนนี้ด้วย

อย่างไร่ชา 101 นี่ก็ถือว่าเป็นพระเอกของดอยเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่มีความพีคคือเค้าปลูกกันบนเขาจริงๆ เป็นไร่ชาที่อยู่บนเขา และมีแบ็คกราวน์เป็นภูเขา ซึ่งมันเรียลมากๆ และมันดอยมากๆอากาศหนาวๆ จิบชาร้อนๆ กับวิวงามๆ รับลองได้ว่าฟินกันถ้วนหน้าแน่นอน

ดอยแม่สลองนี่ถือว่าครบเครื่องมาก ขึ้นมาทีเดียว ทั้งธรรมชาติ ทั้งประวัติศาสตร์ ทั้งวัฒนธรรมอากาศก็ดี อาหารก็อร่อย คนก็น่ารัก ถ้าใครมาเที่ยวเชียงรายแล้วพอมีเวลา แวะขึ้นมาบนนี้ก็ถือว่าคุ้มอยู่ หรือถ้าใครเวลาเหลือเฟือ อยากจะมานอนบนดอย เค้าก็มีรีสอร์ทสวยๆ เปิดเต็มไปหมด อยากได้แนวจีน แนวธรรมชาติ หรือแนวโฮมเสตย์ ก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมายแล้วแต่ชอบเลย

ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร
ไร่ชา 101 เปิดทุกวัน 7.00 – 17.00
ส่วนใครอยากชมซากุระ ให้มาช่วงเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์

4. บ้านดอยดินแดง

เรียกได้ว่าที่นี่เป็นอาณาจักรของคนรักเซรามิคเลยทีเดียว ก้าวเข้ามาปุ๊บ นอกจากความร่มรื่นก็คงต้องยกให้บรรยากาศรอบนี่แหละ มองไปทางไหนก็เป็นงานศิลปะไปซะหมด

อ. สมลักษณ์ ปันติบุญ ศิลปินเซรามิคชาวเชียงราย ผู้เป็นเจ้าของที่นี่ จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนหลายหลัง เช่น ส่วนแสดงผลงาน ร้านค้า ร้านกาแฟ รวมไปถึงโรงงานที่อยู่ภายในบริเวณพื้นที่อย่างครบถ้วน

ความมีเสน่ห์ของที่นี่คงจะเป็นเซรามิคที่ทำมาจากดินแดงตามชื่อสถานที่ และสีเคลือบเครื่องชามต่างๆ ที่ได้ยินว่านำมาใช้จากวัสดุท้องถิ่นแถวนี้ทั้งนั้น

การันตีความสวยด้วยป้ายแปะจองจากโรงแรมชื่อดังเต็มไปหมด! หรือถ้าใครอยากจะเป็นเจ้าของได้ในราคาเบาๆ ด้านหน้าก็มีร้าน gift shop ขายเครื่องใช้กุ๊กกิ๊ก ไว้ให้พร้อม ถ้าชอบดิบๆ ราคาน้อยลงมาหน่อยก็ยังพอมี ค่อยๆ เดินสำรวจบ้านแต่ละหลังได้สนุกเลยล่ะ

ใครที่ชอบงานเซรามิค น่าจะรักที่นี่ได้ไม่ยาก ทั้งบรรยากาศเอย สินค้า เครื่องชามเอย มีให้จับจ่ายใช้สอย ในบรรยากาศที่ร่มรื่นเอาสุดๆ หรือถ้าใครเฉยๆ จะมาแวะกินกาแฟ ไอติมโฮมเมด ที่เสิร์ฟมาในเครื่องเซรามิคของที่นี่ก็เก๋ และดีงามมากกก  เหมาะสำหรับมานั่งพักผ่อนสบายๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ

อยู่ 6 กม.จากสนามบินเชียงรายมุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สาย ดอยดินแดงจะอยู่ทางด้านขวามือ ในซอยเดียวกับหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว เปิดเวลา 08.30-16.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์

5. บ้านดำ

ถ้าพูดถึงชื่อ อ.ถวัลย์ ดัชนี หลายๆ คน น่าจะร้องอ๋อกันขึ้นมาบ้างล่ะ บ้านดำเป็นกลุ่มบ้านศิลปะแบบล้านนาจำนวน 36 หลัง ที่ล้วนแล้วแต่ทาสีโทนดำตามที่อ.ถวัลย์ชอบ จึงมักมีคนเปรียบเทียบบ้านดำกับวัดร่องขุ่นอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นคู่ตรงข้ามกัน สีดำกับสีขาวงี้

บริเวณรอบๆ ถือว่าจัดไว้ได้อย่างสวยงาม บ้านไม้สีเข้มๆ ที่ตัดกับสนามหญ้านั้น ที่จริงแล้วเป็นเหมือนโกดังเก็บงานศิลปะ และของสะสมของอาจารย์ทั้งนั้น ซึ่งก็น่าตื่นตาตื่นใจดี นอกจากบ้านเรือนไทย ยังมีงานอาร์ตหน้าตาแปลกๆ อย่างเรือดำน้ำ ก้อนขาวๆ หน้าตาเหมือนดินสอพลองหรือแม้แต่กระทั่งลานหิน หรืองานศิลปะในสนามหญ้า ก็มีความหลากหลายเต็มไปหมด

โดยรวมๆแล้วถือเป็นสถานที่สุดคูลที่นึงเลยล่ะ เหมาะกับการมาเดินเล่น ถ่ายรูปชิวๆ ด้วยบรรยากาศสีเขียวสุดร่มรื่น ในสไตล์ขรึมๆ นิดๆ

ถ้าใครมาเอาบรรยากาศ บอกเลยว่ามาเถอะ! ชอบไม่ชอบสไตล์ของอ.ไม่รู้ แต่ขอให้มาอย่างเปิดใจก็เป็นสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ ที่นึงเลยแหละ หรืออย่างน้อยๆ มาถ่ายรูปบ้านสีดำที่ตัดกับพื้นหญ้าสีเขียวๆ ก็ขึ้นกล้องมากเลยนะะ แวะหน่อยจะเป็นไร

บ้านดำ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย
เปิดให้เข้าชมเข้าชมฟรี ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น.

6. ชีวิตธรรมดา

คือมันดีงามมากกกก ใครมาที่นี่แล้วไม่หลงรักก็ให้มันรู้ไป ชื่อเสียงเรียงนามของร้านกาแฟ “ชีวิตธรรมดา” นี่โด่งดังไปถึงกรุงเทพ ชนิดที่ว่าคงไม่มี Cafe Hopping คนไหนที่ไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์แน่ๆ

ชีวิตธรรมดาเป็นคอฟฟี่เฮาส์ บ้านไม้สีขาวไสตล์อิงลิช ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก ต้องคาระวะจริงๆว่า เจ้าของบ้านนี่รสนิยมดีเวอร์ เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นคือของเก่าที่เป็นของสะสมของเจ้าของบ้านบอกเลยว่าการจัดวาง การตกแต่ง การจัดสวน ทุกอย่างมันลงตัวไปหมด จะมุมในสวนกับต้นไม้สุดร่มรื่น มุมริมน้ำกับเก้าอี้สีขาว มุมในบ้านกับโซฟาตัวนุ่ม หรือมุมบนระเบียงกับโต๊ะไม้ตัวยาว หยิบกล้องมาถ่ายรูปมุมไหน มันก็ใช่ มันก็โดนไปซะทุกช็อต

ส่วนเรื่องเมนูก็ไม่ต้องพูดถึง ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อิงลิช อเมริกันเบรคฟราส หรือจะชา กาแฟก็มีเสริฟตลอดทั้งวันและที่ทำคัญคือที่นี่เค้าบอกว่าเค้าใช้วัตถุดิบในการทำอาหารชั้นดี ทุกอย่างปลอดสารพิษ และเป็นผลผลิตจากชาวบ้านในจังหวัดเชียงราย

กาแฟคัดอย่างดีส่งตรงมาจากดอยช้าง ชาก็ชั้นเยี่ยมจากดอยแม่สลอง จะผัก จะผลไม้ ก็ของเกรทเอจากชาวเขาฟังอย่างนี้แล้วก็อดชื่นใจไม่ได้ ที่ผลผลิตดีๆเหล่านี้ได้รับการสนับสนุน และผ่านกระบวนการปรุงอย่างพิถีพิถันและสร้างมูลค่าเพิ่ม

หลงรักที่นี่มาก อยากจะตื่นนอนตอนเช้ามานั่งจิบชาในสวนแบบนี้ทุกวัน เหมือนได้หลุดมาอยู่ในโลกนิยายในฝันยังไงยังงั้นเลย : )

นี่คือที่สุดของที่สุด จะพลาดได้ยังไง อยากตื่นเช้ามาแล้วได้จิบกาแฟที่นี่ทุกวัน ไม่อยากจะพูดไปมากกว่านี้ ขอให้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองดีกว่า ที่สำคัญคือห้ามลืมกล้องถ่ายรูปตัวโปรดนะ ไม่งั้นพลาดแน่ๆ

ชีวิตธรรมดาอยู่ริมแม่น้ำกก อ.เมือง จ.เชียงราย
เปิดทุกวัน 08:00-20:00
081-984-2925
http://www.chivitthammada.com/

7. ไร่แม่ฟ้าหลวง

แต่เดิมต้องบอกว่าไร่แม่ฟ้าหลวงนั้นเป็นไร่ปลูกคนมาก่อน สำหรับเป็นพื้นที่ที่สมเด็จย่าทรงงาน ร่วมกับคนในชุมชนต่างๆ หลังจากที่โครงการพัฒนาดอยตุงสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ไร่แม่ฟ้าหลวงจึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมแทนไปโดยปริยาย

รักในบรรยากาศของที่นี่ ที่ทั้งเงียบสงบและมีมนต์ขลังอย่างไม่น่าเชื่อด้านในต้นไม้ร่มรื่นมากกก แถมเต็มไปด้วยศิลปะล้านนาแบบดั้งเดิมอยู่เต็มไปหมด

อาคารแต่ละหลังจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ศาลาแก้ว หอคำน้อย ที่เราประทับใจสุดคงจะเป็นหอคำที่ภายในบรรจุพระพุทธรูปไม้แกะสลัก โดยออกแบบพื้นที่รอบๆ หอจำลองแบบตามชมพูทวีปการเข้าไม้ พื้นยกสูง กับแสงที่ลงมา ทุกอย่างมันใช่ไปหมด

บรรยากาศ ต้นไม้พันธุ์เล็ก พันธุ์ใหญ่ เรือนไทยล้านนา ทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างถูกที่ถูกทางและปราณีตเอามากๆ ซะจนเราอยากจะซึบซับภาพไว้ด้วยตาตัวให้นานที่สุดเรียกได้ว่า สวย เลอค่า ดูดี และนิ่งสงบ จนไม่อยากเก็บไว้ชื่นชมคนเดียวเลยย  หวังว่าคนอื่นก็น่าจะรักไร่แม่ฟ้าหลวงเหมือนเราได้ไม่ยาก (-:

ไร่แม่ฟ้าหลวง อยู่ ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย
วันอังคาร – วันอาทิตย์ 08:30 – 17:00
ค่าเข้าชม ท่านละ 100 บาท อาจจะรู้สึกว่าดูแพงไปหน่อย แต่รับลองว่าคุ้มแสนคุ้ม แล้วจะไม่เสียดายเลย
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.maefahluang.org
โทร. 0-5371-1968, 053-716605-7, 053-601013

8. Singha Park

เดี๋ยวนี้ใครมาเชียงรายก็ต้องแวะสิงห์ปาร์ค ไร่บุญรอดที่มีรูปปั้นสิงห์ทองที่ใหญ่ที่สุดในแถวนี้! นอกจากสิงห์ตัวใหญ่ที่ยังไงก็ขับรถไม่เลยชัวร์ๆ ที่นี่ยังมีเนื้อที่กว้างมากกว่า 8,000 ไร่ เดินเล่นกันด้วย

ด้วยความใหญ่โตของไร่ เราเลยต้องพึ่งรถฟาร์มทัวร์ ซึ่งจะออกเป็นรอบๆ ทุก 15-30 นาที หรือใครขาปั่นที่นี่เค้าก็มีศูนย์จักรยานให้ยืมเช่าขี่ได้ทั่วไร่อีกด้วย ใกล้ชิดธรรมชาติมาก

หลังจากติดต่อประชาสัมพันธ์ รถฟาร์มทัวร์จะพาไปจอดตามจุดชมวิวต่างๆ แวะที่ฟักทองยักษ์เป็นจุดแรก ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของไร่ได้ทั่ว ทั้งแปลงผัก แปลงชาเขียว ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ก็จะบรรยายเรื่องพืชพรรณของที่นี่ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่การนำเข้า จนถึงสายพันธุ์ที่ส่งขาย นอกจากนั้นก็จะมีที่ให้อาหารม้าลาย ยีราฟ โรงเรือนเมล่อน จุดเล่น Zip line และจัดกิจกรรมตามเทศกาลประมาณ 40 นาที รถฟาร์มทัวร์ก็จะพาเรากลับมายังจุดเดิม ซึ่งก็จะมีคาเฟ่เล็กๆและร้านของฝากเตรียมไว้บริการจุดนี้ด้วย

ใครจะขับรถไปยังจุดชมวิวด้านบนต่อ หรือจะไปกินข้าวที่ร้านภูภิรมย์ ก็อย่าพลาดเด้ออ
 วิวดีงามมากก

สิงห์ปาร์คนี่เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คน้องใหม่ของจังหวัดเชียงรายก็ว่าได้ ใครมาเชียงราย นึกไม่ออกจะไปไหน สิงห์ปาร์คดูจะอยู่ในตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทีเดียวเลยล่ะ
ที่สำคัญคือ ควรจะเช็คกิจกรรมต่างๆ ในไร่ก่อนมา ว่ามีอะไรเปิด ไม่เปิดบ้าง จะได้มาแล้วเที่ยวกันให้เต็มอิ่มไปเลยย! แต่ที่แน่ๆ คือ เหมาะสุดสำหรับคนชอบถ่ายรูป มีมุมดีๆ ที่ขึ้นกล้องเพียบ

Singha Park  อยู่ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงรายSingha Park เปิดทุกวัน เวลา 8:00 – 17:00 ร้านอาหารภูภิรมย์ เปิด 11:00 – 22:00
ไร่บุญรอดนี้เปิดให้ขับรถเข้าไปได้บางจุดเท่านั้น ถ้าหากอยากเข้าชม ต้องจอดรถไว้ แล้วนั่งเป็นรถรางเข้าไป ค่าบริการ 50 ต่อคน มีบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า – 4 โมงเย็นทุกวัน ใช้เวลารอบละประมาณ 1 – 1.5 ชั่วโมง

ส่วนใครสนใจทำกิจกรรมต่างๆ สามารถติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ website: www.boonrawdfarm.com หรือโทร 053-172-870

9. วัดร่องขุ่น

แลนด์มาร์คประจำจังหวัด ใครไม่มาแวะเช็คอินนี่เหมือนมาไม่ถึงเชียงราย! ตัววัดเป็นสีขาวลวดลายวิจิตร ประดับด้วยกระจกชิ้นจิ๋วจำนวนมากสะท้อนแสงตัดกับขอบฟ้าเห็นมาแต่ไกลเชียวล่ะ

วัดร่องขุ่นเป็นผลงานของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ผู้ซึ่งมีความรัก และอินกับพระพุทธศาสนามากกก เลยตั้งใจสร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพุทธบูชา โดยจำลองบริเวณรอบวัดเป็นเหมือนกับสรวงสวรรค์ ให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาสัมผัสได้ และกระตุ้นเตือนให้เราๆ ล้วนทำแต่กรรมดี

จุดเด่นหลักของวัดคงจะหนีไม่พ้นพระอุโบสถ ซึ่งก็แฝงไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น สะพานสำหรับก้าวข้ามผ่านกิเลส บันไดไปสู่นิพพาน การหลุดพ้นและสังสารวัฎ ฯลฯ

โดยแรงบันดาลใจหลักๆของอาจารย์ก็เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ แสดงถึงความอุทิศตนต่อพระพุทธศาสนา และถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลของพระมหากษัตริย์ ในรัชกาลที่ 9.

นอกเหนือไปจากอุโบสถเราก็ได้ไปเดินเล่นในห้องจัดแสดงงานของอาจารย์ด้วย ค่อยๆเดินเรียงตาม Timeline ตั้งแต่สมัยวาดรูปใหม่ๆ ไปจนถึงงานยุคปัจจุบัน ก็รู้สึกอินขึ้นกว่าเดิมนะ

เหมือนได้เห็นพัฒนาการของลายเส้นของอาจารย์ไปด้วยเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลยที่ใครๆต่างก็ยอมรับนับถือในฝีมืออาจารย์เฉลิมชัย

ถ้าอิน หรือพร้อมจะเปิดใจบอกเลยว่าเราเองเป็นคนนึงที่ก่อนไปไม่ได้อินอะไรเลยกับที่นี่ รู้สึกทุกอย่างช่างเยอะ และประดับประดาตกแต่งเต็มไปหมด แต่ไหนๆ มาแล้วซักครั้งก็อยากจะแวะไปดูนิดนึงแล้วก็พบว่าชื่นชมผลงานของอาจารย์มากๆ นะ เหมือนพอได้เห็นพัฒนาการลายเส้นฝีไม้ลายไม้ ก็อดไม่ได้ที่จะรักในความละเอียด ปราณีตของผลงานแต่ละชิ้นของอาจารย์เลยล่ะ

วัดร่องขุ่น
ต. ป่าอ้อดอนชัย อ. เมือง จ. เชียงราย
วัดร่องขุ่นเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.30-18.00 น.
ห้องแสดงภาพเปิดให้เข้าชมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-17.30 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 08.00-18.00 น.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดร่องขุ่น โทรศัพท์ 0 5367 3579

10. Bamboo Nest De Chiangrai

เคยฝันว่าจะได้ตื่นนอนมาอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่ มองดูหมอกยามเช้า ท่ามกลางหุบเขาที่มีทุ่งนาล้อมรอบไปจนสุดลูกหูลูกตามั้ย? ถ้ากำลังมองหาอะไรที่มีความธรรมชาติแบบนั้นอยู่จริงๆ ไม่ใช่แค่ไลฟ์สไตล์ชิคๆ ขอแนะนำที่นี่เลย Bamboo Nest De Chiangrai !

นอกจากเราจะได้ดีท็อกซ์ร่างกายผ่านอากาศบริสุทธิ์ ระหว่างไกวเปลดูทุ่งนาไปชิวๆแล้ว ยังจะได้ดีท็อกซ์จิตใจแบบสุดๆไปเลย เพราะที่นี่ไม่มีแอร์ ไม่มีสัญญาณมือถือและไม่มีสัญญาณ Wi-FI !ตอนกลางคืนที่นี่จะโรแมนติกสุดๆ เพราะไฟฟ้ามีอยู่น้อยดวง พี่ฝรั่งแบ็คแพ็คส่วนใหญ่ที่มาเป็นคู่ ก็จะไปนั่งผิงไฟอุ่นๆ กันอยู่ที่ชานรวม

ส่วนมนุษย์ขี้หนาวอย่างเราก็รีบแจ้นเข้ามุ้ง เช็คดูว่ามีน้ำอุ่น ซุกผ้าห่ม สบายละคืนนี้ ใครติดกินจุบจิบอย่าลืมพกเสบียงขนมมาจากข้างล่างด้วยนะ แต่ที่นี่ก็มีครัวเตรียมสำหรับอาหารเป็นมื้อๆให้ ขอเมนูจากพี่นกตอนเช็คอินได้เลย

ทีเด็ดของที่นี่ นอกจากมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ๆ ยังมีกิจกรรมเดินป่า สำรวจเขาหลายเส้นทางด้วย!อย่างเรามาแค่คืนเดียว รุ่งเช้าเลยออกไปสำรวจทุ่งนาที่ภูเขาข้างๆซะหน่อย พร้อมกับน้องหมาน้องหมาตัวนุ่มนิ่มวิ่งนำเที่ยวไม่ได้มีอยู่แค่ในหนังจริงๆ

Bamboo Nest De Chiangrai
อยู่บนภูเขาห่างจากตัวเมืองเชียงราย 23 กิโลเมตร เป็น homestay กลางเขา ก็ต้องเปิดตลอดเวลาสิเนอะ

Tel. 095-6864-755 , 089-953-2330
ID Line : 0956864755
E-mail : [email protected]
http://bamboonest-chiangrai.com/

11. ภูชี้ฟ้า

เชื่อว่าภูชี้ฟ้าเป็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวติดหูใครหลายคนมาตั้งแต่เด็ก แล้วหลายคนก็บอกเราอีกว่าถ้าอยากดูทะเลหมอกที่สวยที่สุดในประเทศไทย ให้ไปที่ภูชี้ฟ้า

ไม่เคยเชื่อใครเลย จนกระทั่งวันที่เราตื่นตีสี นั่งรถกระบะของรีสอร์ทไปที่ตีนดอย เดินตามทางขึ้นไปในความมืดอีกประมาณ 700 เมตร พร้อมไฟฉายส่องทาง เพื่อไปยืนหนาว ปากสั่น ในอุณหภูมิเลขตัวเดียว รอพระอาทิตย์ขึ้น

แต่พอแสงแรกของวันเริ่มสาดส่องออกมาเท่านั้นแหละภูชี้ฟ้าที่กระทบกับแสง กับทะเลหมอกสีทองที่ค่อยๆชัดขึ้นมาตรงหน้า ภาพที่เห็นข้างหน้าตอนนั้นมนตอกย้ำให้เรารู้เลยว่าทำไมหลายคนถึงบอกว่าทะเลหมอกที่นี่สวยที่สุดในประเทศไทย

ภูชี้ฟ้าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น ติดชายแดนไทย-ลาว ยอดภูคือเป็นปลายแหลมชี้ขึ้นไปบนฟ้าไปทางประเทศลาว ข้างบนจะมีทุ่งหญ้ากว้างที่สามารถมองเห็นวิวประเทศลาวได้รอบตัวแบบพาโนรามา ข้างบนยังถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี คือยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเราว่านี่แหละคือเสน่ห์ของธรรมชาติอย่างแท้จริง ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นไหนๆ

วนอุทยานภูชี้ฟ้า พรมแดนไทย-ลาว
ระยะทางจากตัวเมืองเชียงรายมาภูชี้ฟ้า ประมาณ 111 กม. ใช้เวลา 2.30 ชม.

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นคือเดือน พฤศจิกายน – มกราคมถ้าจะไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้น ต้องเริ่มเดินประมาณตีห้า แต่ถ้าใครตื่นไม่ไหว จะไปรอดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็น ก็คงสวยไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเหตุผลประการไฉนก็ตาม ภูชี้ฟ้าเป็นสถานที่ที่ควรไปเยือนครั้งหนึ่งในชีวิต ไปให้เห็นกับตาตัวเองสักครั้งกับทะเลหมอกที่เค้าว่ากันว่าสวยที่สุดในประเทศไทย


ถ้าเที่ยวภูชี้ฟ้า ส่วนใหญ่จะพักกันที่รีสอร์ทบริเวณเชิงภู หรือจะเอาเต้นท์มากางนอนก็ได้ ประมาณตีสี่ครั้งจะมีรถไปรับที่รีสอร์ทแล้วมาส่งที่เชิงดอย เดินขึ้นไปอีกประมาณ 700 เมตรก็จะถึงทางเดินไม่ชัน เดินสบาย เดินตามกันขึ้นไปเป็นกลุ่มๆ ไม่หลงแน่นอน หรือถ้าใครไม่มั่นใจ จะจ้างมัคคุเทศน์น้อยชาวเขานำทางขึ้นไปก็ได้

สถานที่แต่ละที่ย่อมมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง และเมื่อไหร่ที่เรื่องราวเหล่านั้นมันได้ถูกบอกเล่าออกมา สถานที่เหล่านั้นก็จะสวยงามและมีคุณค่ามากขึ้นไปอีก การที่เราได้เอาเท้าเปล่าออกไปย่ำดิน เอาตัวเองออกไปอยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ พูดกับคนในพื้นที่ กินอย่างที่พวกเขากิน อยู่อย่างที่พวกเขาอยู่ บางที มันก็ทำให้ได้เห็นโลกใบนี้กว้างขึ้นอีกเยอะเลย

เชียงรายครั้งนี้ก็เหมือนกันยิ่งได้ไปทำความรู้จัก ยิ่งได้เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ ยิ่งประทับใจ
ไม่เหมือนครั้งไหนๆ ที่มาก่อนหน้านี้เลยนะ ทั้งความดิบของธรรมชาติ ความลึกซึ้งของศิลปะ และเรื่องราววิถีชีวิตและภูมิปัญญาของพี่ๆในชุมชน ต่างก็ช่วยมาเติมเต็มพลังงานดีๆ สุดๆ
สำหรับการมาเที่ยวเมืองเหนือในครั้งนี้

ลองถามตัวเองดูว่าพร้อมที่จะออกไปสัมผัสเชียงราย ที่เป็นเชียงรายจริงๆ แบบนี้แล้วรึยัง
ถ้าลองออกไปสักครั้ง รับรอง จะหลงรักเชียงรายแบบที่เรารักแน่นอน (-;

Show CommentsClose Comments

Leave a comment